เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนและไม่มั่นคง การโจมตีด้วยขีปนาวุธกำลังเกิดขึ้นในยูเครน บอลลูนตรวจการณ์กำลังบินอยู่เหนืออเมริกา กลุ่มฮามาสได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งอีกครั้งในตะวันออกกลาง และอิหร่านกำลังเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกรดอาวุธ หลายคนถามว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจริงหรือ?” และ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 เริ่มต้นขึ้น” ขณะที่ความตึงเครียดทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
“โลกขั้วอำนาจเดียว”กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” นับวันยิ่งลุกลามบานปลาย หรือยิ่งเพิ่ม “อัตราเสี่ยง”จนอาจกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3”ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แถมยังมี “ความเป็นไปได้”สูงเอามากๆ ที่สงครามดังกล่าว จะกลายสภาพไปเป็น “สงครามนิวเคลียร์”ชนิดที่ทำให้มวลมนุษย์ถูกฆ่าลงไปถึงหนึ่งในสามส่วน หรือไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านรายได้
1. NATO กับยูเครนและรัสเซีย
ตั้งแต่ปี 2014 รัสเซียได้ทำสงครามกับยูเครน แต่สื่อทั่วโลกมักนำเสนอเรื่องนี้เป็น “สงครามกลางเมือง” ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสำหรับชาวตะวันตก การผนวกไครเมียไม่ได้สำคัญเท่ากับการนำเข้าก๊าซและน้ำมัน เทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อได้ใช้ได้ผลกับพลเมืองที่เชื่อทุกสิ่งที่ทีวีบอก แม้ว่า NATO จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการซ้อมรบในเบลารุสที่มีทหารเกี่ยวข้องถึง 200,000 นาย แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รัสเซียเริ่มการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบจากทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ ด้วยความพยายามที่จะสร้างความประหลาดใจ แต่กลับต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ น่าเศร้าสำหรับยูเครน รัสเซียรู้ดีว่าจะไม่โจมตีประเทศสมาชิก NATO โดยไม่ตั้งใจ (หรือโดยเจตนา) เพราะจะต้องเผชิญกับมาตราที่ 5 ของ NATO แต่หากเกิดขึ้น อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สามทันที โดยไม่มีการถามคำถามใดๆ
2. สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลกับอิหร่าน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023 กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มฮะมาส และญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ ร่วมกับกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ ได้เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่ต่ออิสราเอลจากฉนวนกาซา ในรูปแบบของจรวดโจมตีและการโจมตีต่าง ๆ การรุกรานข้ามพรมแดนเข้าสู่อิสราเอล โดยกลุ่มฮะมาสได้เรียกปฏิบัติการนี้ว่า “ปฏิบัติการน้ำท่วมอัล-อักศอ” ถือเป็นความขัดแย้งที่มีการเผชิญหน้ากันตรง ๆ ภายในดินแดนของประเทศอิสราเอลนับตั้งแต่สงครามอาหรับ–อิสราเอล พ.ศ. 2491
มีรายงานการยิงจรวดไม่ต่ำกว่า 3,000 ลูกเข้าไปในประเทศอิสราเอลจากฉนวนกาซาในระหว่างที่กลุ่มติดอาวุธได้แทรกซึมเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล ส่งผลให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตประมาณ 700 คน โดยรัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้โดยการประกาศสถานะสงครามและเปิดปฏิบัติการดาบเหล็ก (Operation Iron Swords) ต่อกลุ่มฮะมาส
กลุ่มติดอาวุธฮะมาสได้ประกาศว่าประเทศอิหร่านสนับสนุนการโจมตีในครั้งนี้และต่อมาอิหร่านก็ได้ออกมาแถลงสนับสนุนและช่วยวางแผนการโจมตี และเพื่อเป็นการตอบโต้ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าได้ทำการเคลื่อนเรือรบ เครื่องบินรบ และอุปกรณ์ทางทหารต่าง ๆ ไปยังเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก อีกทั้งยังประกาศว่าจะสนับสนุนอิสราเอลในเรื่องของอุปกรณ์ทางการทหารในขณะที่ผู้นำชาติตะวันตก อินเดีย ไต้หวันและชาติอื่น ๆ ได้ออกมาประณามการโจมตีของกลุ่มฮะมาสต่ออิสราเอล
และดูเหมือนว่าไม่ช้าก็เร็ว สิ่งนี้จะนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบระหว่างอารยธรรมตะวันตกและกองทัพอิหร่าน
3. ข้อพิพาททะเลจีนใต้
ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เป็นเรื่องของการอ้างสิทธิ์บางส่วนหรือทั้งหมดเหนือดินแดนและอธิปไตยในน่านน้ำทะเลจีนใต้, โดยเฉพาะหมู่เกาะพาราเซลและหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งมีหลายประเทศที่อ้างสิทธิ์เหล่านี้
นอกจากการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะที่มีความสมบูรณ์แล้ว ยังมีการอ้างสิทธิ์เหนือหินโผล่, เกาะปะการัง, สันดอนทราย และแนวปะการัง อย่างเช่น สันทรายสการ์โบโรห์ (Scarborough Shoal)
จีนอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่มากที่สุดในทะเลจีนใต้ โดยใช้ “เส้นประ 9 เส้น” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่ห่างจากมณฑลไหหลำทางใต้สุดของจีนไปทางใต้และทางตะวันออกหลายร้อยกิโลเมตร
รัฐบาลจีนกล่าวว่าสิทธิ์ของจีนในพื้นที่นี้มีประวัติย้อนกลับไปหลายร้อยปี โดยเริ่มตั้งแต่สมัยที่หมู่เกาะพาราเซลและหมู่เกาะสแปรตลีถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน และในปี 1947 จีนได้ทำแผนที่ที่ระบุรายละเอียดของการอ้างสิทธิ์นี้ โดยไต้หวันก็อ้างสิทธิ์เหล่านี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งว่าจีนไม่ได้อธิบายสิทธิ์ของตนอย่างชัดเจนเพียงพอ และ “เส้นประ 9 เส้น” ที่ปรากฏบนแผนที่ของจีนครอบคลุมพื้นที่ทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด โดยไม่ได้กำหนดพิกัดที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าจีนอ้างสิทธิ์เฉพาะดินแดนภายในเส้นประ 9 เส้