ในโลกปัจจุบันมีการยอมรับ และเปิดเผยในเรื่องของการเป็น LQBTQ+ กันมากขึ้น และความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และการแพทย์ ก็สามารถเสกเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในอดีต ให้เป็นไปได้จริงได้แล้วในทุกวันนี้ ซึ่งในการผ่าตัดแปลงเพศ ก็เป็นที่นิยม และประเทศไทยของเราก็เป็นประเทศหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสำเร็จในการผ่าตัดแปลงเพศให้กับคนไข้มากมาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ New York Times ได้ตีพิมพ์เรื่องราว และเหตุผลที่ทำให้การผ่าตัดแปลงเพศ ไม่ตอบโจทย์เสมอไป ซึ่งมีสาระดังนี้
การผ่าตัดแปลงเพศและการฟื้นตัว
ในบทความดังกล่าวนี้ เป็นผลงานการเขียนของ Andrea Long Chu ที่เป็นนักเขียนในสำนักพิมพ์ New York Times ซึ่งเขาได้เขียนเกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศจากเพศชาย เป็นเพศหญิง ซึ่งในบทความดังกล่าวได้กล่าวถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จากการผิดหวังหลังการผ่าตัดแปลงเพศ ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ โดยการผ่าตัดแปลงเพศเป็นอวัยวะเพศหญิงนั้น ใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 6 ชั่วโมง และมีระยะการพักฟื้นเป็นเวลา 3 เดือน
การผ่าตัดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของร่างกายได้
เหตุผลแรกคือ ในการผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศหญิงนั้น เป็นเสมือนการสร้างบาดแผลบนร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะผ่านระยะเวลาการพักฟื้นไปแล้ว ช่องคลอดเทียมนั้นก็เป็นแผลใหญ่ที่รอคอยการสมานแผล แม้ว่าในเทคโนโลยีทางการแพทย์ จะสามารถทำให้มีความรู้สึกทางเพศได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา ดังนั้นความสุขทางเพศจากการผ่าตัดแปลงเพศนั้น ก็ยังคงเป็นอุปสรรคอยู่
การผ่าตัดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายได้
สิ่งหนึ่งที่การผ่าตัดไม่สามารถทำได้ คือการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน ที่ร่างกายสร้างขึ้นได้ ดังนั้นผู้เข้ารับการผ่าตัด ต้องมีการบริโภคยา หรือฮอร์โมนต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศ ซึ่งนั่นก็ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เพราะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างฉับพลันนั้น แน่นอนว่าจะส่งผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกเป็นหลัก
สามารถก่อให้เกิดอาการไม่อยากมีเพศสัมพันธ์
เมื่อร่างกายได้รับความเจ็บปวดจากการมีเพศสัมพันธ์ อาจจะพัฒนาอาการดังกล่าว กลายเป็นอาการไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ไปเลยก็ได้ และยากต่อการอยากจะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งก่อให้เกิดอาการเครียด และเป็นความทุกข์ได้
การผ่าตัดแปลงเพศจำเป็นที่ต้องมีการผ่านการทดสอบด้านจิตวิทยาเพื่อเตรียมความพร้อมของผู้รับการผ่าตัด
การผ่าตัดแปลงเพศ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มากของชีวิต เพราะไม่เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายโดยถาวร จากเหตุผลเบื้องต้นที่กล่าวมา การผ่าตัดแปลงเพศนั้นไม่ได้มาพร้อมกับความประสบผลสำเร็จเสมอ ดังนั้นผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ารับการทดสอบด้านจิตวิทยา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดถาวรในครั้งนี้
เป็นหนึ่งในสาเหตุของการฆ่าตัวตาย
เมื่อผู้เข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถแบกรับกับความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการผ่าตัดแปลงเพศ และการผ่าตัดแปลงเพศเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ทำให้ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดมีความเครียด และเมื่อหาทางออกไม่ได้ ก็จึงตัดสินใจจบปัญหาด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัด จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูล และเตรียมความพร้อมทั้งกายและจิตใจให้เป็นอย่างดี
