เรามีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการค้นพบที่น่าสนใจ 5 อย่างของดาวอังคารที่สำรวจพบในไม่กี่ปี – Limelight Media

เรามีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการค้นพบที่น่าสนใจ 5 อย่างของดาวอังคารที่สำรวจพบในไม่กี่ปี

ให้ผู้อ่านได้ติดตามว่าเราจะสามารถย้ายไปดาวอังคารได้หรือไม่

1.ทะเลสาบที่สาบสูญของดาวอังคารและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เหลือแต่ร่องรอย

ภาพนี้แสดงให้เห็นซากของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโบราณในปล่องภูเขาไฟ เจเซโร เครเตอร์ ของดาวอังคาร ซึ่งโดยยานพรีเซอเวอร์แรนท์ จะสำรวจหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตจุลินทรีย์ที่เป็นฟอสซิล ภาพนี้ถ่ายโดยกล้องสเตอริโอความละเอียดสูงบนยานอวกาศ ของ ESA (European Space Agency) ศูนย์ปฏิบัติการอวกาศยุโรปในเมืองดาร์มสตัดท์ ประเทศเยอรมนี ดำเนินการเกี่ยวกับ ESA กล้องสเตอริโอความละเอียดสูงที่ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแฟร์ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี มีหลักฐานตั้งแต่ปี 2013 ว่าครั้งหนึ่งน้ำเคยไหลบนดาวอังคาร เมื่อยานพบก้อนกรวดกลมมน เหมือนกับที่เห็นในแม่น้ำของโลกบนพื้นผิวดาวอังคารซึ่งค้นพบบริเวณปล่องภูเขาไฟ เจเซโร เครเตอร์ เป็นการยืนยันว่าบนดาวอังคาร ครั้งหนึ่งเคยถูกน้ำท่วม และเป็นที่ตั้งของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโบราณ นิโคลัส แมงโกล นักวิทยาศาสตร์ที่มีความพยายาม และผู้เขียนรายงานฉบับนี้กล่าวว่า “การสังเกตที่สำคัญที่ช่วยให้เรา…สามารถยืนยันการมีอยู่ของทะเลสาบและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เจเซโรได้”

2. แผ่นดินไหวของดาวอังคาร

มุมมองนี้จากกล้องบนยาน แสดงโขดหินที่มีชั้นหินละเอียด ในเดือนกรกฎาคม ในปี 2561นักวิทยาศาสตร์ค้นพบรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับการชั้นเกี่ยวกับชั้นหินของดาวอังคารจากการสำรวจที่ละเอียดมากขึ้น ยานลำนี้มีเครื่องวัดคลื่นไหวสะเทือนที่สามารถตรวจจับการสั่นสะเทือนใต้พื้นดินได้ และเป็นผลให้สามารถบันทึกแผ่นดินไหวบนดาวอังคารครั้งแรกได้ นักวิจัยระบุว่าเปลือกโลกของดาวอังคารอาจมีความยาว 12 ไมล์ถึง 23 ไมล์ โลกซึ่งมีขนาดเกือบสองเท่าของดาวอังคาร มีเปลือกโลกตั้งแต่สองสามไมล์จนถึงมากกว่า 45 ไมล์ ตามรายงานของนาซ่า เอกสาร 3 ฉบับที่อิงจากข้อมูลของเครื่องวัดคลื่นไหวแผนดินไหวสะเทือนที่ตีพิมพ์ว่า “ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความลึก และองค์ประกอบของเปลือกโลก ชั้นเนื้อหิน และแกนกลางของดาวอังคาร รวมทั้งการยืนยันว่าศูนย์กลางของดาวเคราะห์หลอมละลาย แกนนอกของดาวอังคารหลอมละลาย แต่ยังไม่ทราบว่าดาวอังคารมีแกนชั้นในที่เป็นของแข็งเหมือนโลกหรือไม่

3.การปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ

Super Eruption หรือการปะทุของภูเขาไฟ Super Volcano ซึ่งเป็นการปะทุของภูเขาไฟที่เรียกได้ว่ารุนแรงกว่าภูเขาไฟระเบิดที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันเคยเจอเป็นอย่างมาก โดย Super Eruption ของภูเขาไฟบนโลกเกิดขึ้นล่าสุดย้อนไปเมื่อประมาณ 26,500 ปีก่อน เมื่อภูเขาไฟ Taupo ใน New Zealand ปะทุขึ้น เรียกการปะทุครั้งนี้ว่า Oruanui Eruption จัดระดับ Volcanic Explosivity Index (VEI) หรือดัชนีความรุนแรงของการปะทุได้ที่ระดับ 8 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด มีความถี่ในการเกิดต่อหนึ่งครั้งมากกว่า 50,000 ปี ในปี 2021 นี้ NASA ได้ตีพิมพ์งานวิจัยซึ่งค้นพบหลักฐานการระเบิดแบบ Super Eruption ของภูเขาไฟในบริเวณ Arabia Terra บนดาวอังคาร โดยเปเปอร์เอกสารดังกล่าวมีชื่อว่า Stratigraphic Evidence for Early Martian Explosive Volcanism in Arabia Terra (Whelley et al., 2021)

ภูเขาไฟเหล่านี้เมื่อมันปะทุขึ้นมันจะปลดปล่อยแก๊สและแมกมาปริมาตรเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิก 400 ล้านสระออกมาจากพื้นผิวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เมื่อแก๊สและแมกมาเหล่านี้พุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว มันจะก่อตัวกลายเป็นชั้นของขี้เถ้าที่หนามาก และขยายออกไปใกล้หลายพันกิโลเมตรจากภูเขาไฟ

แน่นอนว่าการปะทุเช่นนี้แรงกระแทกหรือ Shockwave จากการปะทุจะส่งผลต่อโครงสร้างของปล่องภูเขาไฟเป็นอย่างแรก ทำให้ปล่องภูเขาไฟถล่มลงมากลายเป็นหลุมขนาดใหญ่เรียกว่า ““Caldera” เส้นผ่านศูนย์กลางหลายกิโลเมตร ซึ่งสามารถพบเห็นได้จากปล่องภูเขาไฟ Super Volcanoes บนโลกเช่นกัน

นักวิทยาศาสตร์พบ ““Caldera” อย่างน้อย 7 แห่ง ในบริเวณ Arabia Terra ซึ่งถือเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของ Super Volcanoes ที่สามารถปะทุได้รุนแรงจนปล่องภูเขาไฟถล่มกลายเป็นหลุม Caldera

4. แหล่งน้ำบนดาวอังคาร

น้ำบนดาวอังคารในปัจจุบันมีอยู่แทบทั้งหมดเป็นน้ำแข็ง แม้โดยยังมีไอน้ำปริมาณเล็กน้อยในบรรยากาศด้วย และบางครั้งเป็นน้ำเกลือ ((brine) รูปของเหลวปริมาตรต่ำในดินดาวอังคารตื้น ๆ ที่เดียวที่เห็นน้ำแข็งน้ำ ((water ice) ได้จากพื้นผิวคือ ที่พืดที่พื้นน้ำแข็งขั้วดาวเหนือ ยังมีน้ำแข็งน้ำน้ำแข็งและน้ำปริมาณมากอยู่ใต้พืดน้ำแข็งคาร์บอนไดออกไซด์ถาวรที่ขั้วใต้ของดาวอังคาร และใต้ดินตื้น ๆ ที่ละติจูดอบอุ่นกว่า มีการระบุน้ำแข็งกว่า 5 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตรที่หรือหรือใกล้พื้นผิวของดาวอังคารสมัยใหม่ เพียงพอที่จะปกคลุมดาวเคราะห์ทั้งดวงที่ความลึก 35 เมตร และอาจมีน้ำแข็งปริมาณมากกว่านี้ถูกกักอยู่ใต้ดินชั้นลึก

น้ำในรูปของเหลวอาจเกิดขึ้นชั่วคราวบ้างบนพื้นผิวดาวอังคารปัจจุบันในปัจจุบัน แต่เฉพาะในบางภาวะ ไม่มีแหล่งน้ำในรูปของเหลวขนาดใหญ่ถาวร เพราะความดันบรรยากาศที่พื้นผิวโดยเฉลี่ยมีเพียง 600 ปาสกาล (0.087 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) หรือประมาณ 0.6% ของความดันระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยของโลก และอุณหภูมิเฉลี่ยของดาวต่ำเกินไปมาก ((210 K, −63 °C) ทำให้น้ำระเหิดหรือเยือกแข็งอย่างรวดเร็ว ก่อนประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อน ดาวอังคารอาจมีบรรยากาศหนาแน่น และมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงกว่านี้ ทำให้มีน้ำในรูปของเหลวบนพื้นผิวปริมาณมากเป็นไปได้ว่ามีมหาสมุทรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจปกคลุม หนึ่งในสามของดาวยังพบว่าน้ำไหลอยู่ใต้พื้นผิวเป็นระยะสั้น ๆ หลายช่วงในประวัติศาสตร์สมัยหลัง ๆ ของดาวอังคาร วันที่ 9 ธันวาคม 2556 นาซารายงานว่า อาศัยหลักฐานจากโรเวอร์ คิวริออสซิตี ที่กำลังศึกษาอีโอลิสปาลัส (Aeolis Palus) แอ่งเกลมีทะเลสาบน้ำจืดโบราณซึ่งสามารถเป็นสิ่งแวดล้อมที่จุลินทรีย์อาศัยอยู่ได้

5. Regional Dust Storms Dry Out Mars

ยานอวกาศของนาซา ถ่ายภาพพายุฝุ่นสูง 20 กิโลเมตรนี้ขณะที่มันกำลังหมุนเกลียวผ่านดินแดนอะมาโซนิส แพลนิเทีย ทางเหนือของดาวอังคารเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ขณะที่เหล่านักวิจัยบอกแม้ว่ามันจะสูงลิ่ว ทว่าพายุฝั่นลูกนี้กลับมีความกว้างเพียง 70 เมตรเท่านั้น

ต่อมานาซ่า ประกาศว่าพายุทรายเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้น้ำของดาวอังคารหายไป นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดาวอังคารมีน้ำมากกว่าพันล้านปีที่ผ่านมา แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมหายไป อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ยานอวกาศสามลำเพื่อสำรวจ และค้นพบเหตุผลหนึ่งที่พายุอุ่นขึ้น อุณหภูมิสูงกว่าบรรยากาศที่เย็นบนดาวอังคารมีบรรยากาศที่หายาก และโมเลกุลของน้ำที่เปราะบางจึงทำให้น้ำหายไป